ข้อมูลจากหน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ถนนศรีอยุธยา พญาไท กทม. 10400 Tel. 0-2644-8677-91 ต่อ 5305, 5316
การบริโภคน้ำเกากีฉ่าย (Lycium barbarum , goji) ช่วยเพิ่มปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย
การทดลองแบบ ramdomized, double-blind, placebo-controlled ในอาสาสมัครชาวจีนสุขภาพดี อายุระหว่าง 55-72 ปี จำนวน 50 คน (ชาย 25 คน และหญิง 25 คน) แบ่งอาสาสมัครออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 25 คน โดยกลุ่มแรก (ชาย 12 คน และหญิง13 คน) ให้รับประทานน้ำเกากีฉ่าย 60 มิลลิลิตร วันละ 2 เวลาพร้อมอาหาร (วันละ 120 มิลลิลิตร ที่มี Lycium barbarum polysaccharide 1,632 มิลลิกรัม) นาน 30 วันกลุ่มที่สองให้รับประทานยาหลอกที่มีสี กลิ่น รสชาติเหมือนน้ำเกากีฉ่ายในเวลาและปริมาณที่เท่ากัน แล้วทำการวัดปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในเลือดทั้งก่อนและหลังการทดลอง พบว่ากลุ่มที่รับประทานน้ำเกากีฉ่ายมีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระเปลี่ยนแปลงไปจากการก่อนทดลองอย่างมีนัยสำคัญ โดยมี superoxide dismutase และ glutathione peroxidase เพิ่มขึ้น 8.4 % และ 9.9 % ตามลำดับ และ malondialdehyde ลดลง 8.7 % เมื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่รับประทานยาหลอกและกลุ่มที่รับประทานน้ำเกากีฉ่าย พบว่ากลุ่มที่รับประทานน้ำเกากีฉ่ายมี superoxide dismutase เพิ่มขึ้น 8.1 % glutathione peroxidase เพิ่มขึ้น 9.0 % และ madondialdehyde ลดลง 6.0 % ซึ่งเป็นความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ และในกลุ่มควบคุมเองไม่พบความแตกต่างระหว่างก่อนและหลังการทดลอง การบริโภคเกากีฉ่ายติดต่อกันนาน 30 วันช่วยเพิ่มปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย และอาจช่วยป้องกันโรคที่มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกายได้
ฤทธิ์ต้านสารอนุมูลอิสระเพื่อป้องกันเซลล์ตับเป็นพิษของสารสกัดจากเกากีฉ่าย (Lycium chinense )
ศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดจากเกากี่ฉ่าย เพื่อป้องกันการเป็นพิษของเซลล์ตับ ที่ถูกเหนี่ยวนำด้วย H2O2 และวิเคราะห์หาปริมาณเซลล์ด้วยวิธี MTT ประเมินฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระด้วยวิธีการเคราะห์ผลของ 1,1 – diphenyl – 2 – picrylhydrazyl (DPPH), intracellular ROS, Hydrogxyl radical และ superoxide วิเคราะห์หาปริมาณเอ็นไซม์ต้านอนุมูลอิสระที่เพิ่มขึ้นด้วยการวิเคราะห์หาปริมาณโปรตีนที่แสดงออก (protein expression) วิเคราะห์ความเสียหายของดีเอ็นเอด้วยวิธี comet assay และการแสดงออกของ phosphor-histone H2A.X. และวัดการเกิดปฏิกิริยา lipid peroxidation โดยใช้การวิเคราะห์ 8-isoprostane level และ fluorescent probe
ผลการศึกษาพบว่าสกัดจากเกากี่ฉ่ายมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ และกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์ catalase (CAT), superoxide dismutase (SOD) และ glutathione peroxidase (GSH – Px) ลดลงความเสียหายของดีเอ็นเอ และการเกิดปฏิกิริยา lipid peroxidation นอกจากนี้สารสกัดเกากี่ฉ่ายยังช่วยเพิ่มอัตราการมี ชีวิตรอดของเซลล์ตับ โดยยับยั้งการตายของเซลล์ (apoptosis) ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากเกากี่ฉ่ายสามารถป้องกันเซลล์ตับ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเกิดสารอนุมูลอิสระได้
J Ethnopharmacol. 2010; 130(2): 299-06
ฤทธิ์ลดความเป็นพิษต่อหัวใจจากการใช้ยาต้านมะเร็ง doxorubicin ของสารสกัดจากเกากีฉ่าย
การศึกษาฤทธิ์ของสารโพลีแซคคาไรด์จากเกากีฉ่ายในการป้องกันความเป็นพิษต่อหัวใจของหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดพิษด้วย doxorubicin โดยป้อนสารโพลีแซคคาไรด์ ขนาด 200 มก./กก. เป็นเวลา 10 วัน จากนั้นในวันที่ 7 ของการทดลอง ทำการฉีด doxorubicin ขนาด 10 มก./กก. เข้าทางหลอดเลือดดำของหนู พบว่าสารโพลีแซคคาไรด์จากเกากีฉ่ายมีผลทำให้กล้ามเนื้อหัวใจถูกทำลายน้อยลง ลดระดับของเอนไซม์ creatine kinase และ aspartate aminotransferase ลดระดับของ malondialdehyde แต่เพิ่มระดับของเอนไซม์ superoxide dismutase และ glutathione peroxidase นอกจากนี้สารโพลีแซคคาไรด์จากเกากีฉ่ายยังมีผลต้านความเป็นพิษต่อเซลล์ที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดพิษด้วย doxorubicin เมื่อทดสอบกับเซลล์ cardiac myoblasts H9c2 แต่ไม่มีผลต่อการออกฤทธิ์ต้านเนื้องอกของ doxorubicin เมื่อทดลองในเซลล์มะเร็ง A549 สรุปได้ว่าเกากีฉ่ายมีผลป้องกันความเป็นพิษต่อหัวใจที่เกิดจาก doxorubicin ได้ โดยเป็นผลมาจากฤทธิ์ในการต้านการเกิดออกซิเดชั่นของสาร
Food Chem Toxicol 2011;49:259-64.
หน้าที่เข้าชม | 278,865 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 189,975 ครั้ง |
เปิดร้าน | 16 ม.ค. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 4 ส.ค. 2568 |